🌈 ซ้ายก็สีรุ้ง ขวาก็สีรุ้ง ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็เจอแต่สีรุ้ง เดือนมิถุนายนนี้ ทุก ๆ ที่จะมีแต่สีรุ้ง ก็เพราะว่า เดือนนี้คือ PRIDE MONTH🏳️🌈 ยังไงล่ะ! เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Pride Month คืออะไร? มีที่มาจากอะไร? ทำไมถึงมีสีรุ้งเต็มไปหมด? มาทำความรู้จัก Pride Month ไปพร้อม NEXKY กันเถอะ

Pride Month คือ เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ+ มีกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในทุก ๆ ปี เพื่อเฉลิมฉลองในความภาคภูมิใจ โดยแต่ละภูมิภาค ก็จะมีงานฉลองที่แตกต่างกันไป เช่น ในนิวยอร์ก มี NYC Pride ซึ่งจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ งานแฟร์ประจำปี Pridefest งานวิ่งการกุศล Pride Run ปาร์ตี้ Matinee และการเดินขบวนพาเหรดของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ NYC Pride March
ซึ่งเดิมที LGBTQ+ Pride เป็นการแสดงความเคลื่อนไหวทางการเมืองเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ในปัจจุบัน LGBTQ+ Pride ไม่ได้เป็นเรื่องทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเฉลิมฉลองถึงความเท่าเทียมจากการต่อสู้ที่ยาวนานอีกด้วย นอกจากนี้ Pride ยังเป็นพื้นที่ในการพบปะ เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวของเหล่า LGBTQ+ อีกเช่นเดียวกัน
ที่มาของความภาคภูมิใจ และความสนุกเช่นนี้ มีที่มาจากความยากลำบาก การถูกกดขี่ และการถูกกีดกัน โดยในช่วงทศวรรษที่ 1960 นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา 🇺🇸 ได้มีการออกกฎหมายห้ามไม่ให้ประชาชนแต่งตัวผิดกับเพศสภาพ ทำให้ LGBTQ+ หรือ กลุ่มคนหลากหลายทางเพศถูกกดดันจากสังคมอย่างหนัก
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 มิถุนายน 1969 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 คน ได้เข้าไปตรวจค้น และจับกุมผู้ที่แต่งกายไม่ตรงกับเพศกำเนิด ซึ่งมีการกระทบกระทั่งกันด้วยความรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ LGBTQ+
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ไม่ใช่การเคลื่อนไหวแรกของกลุ่ม LGBTQ+ แต่ต้องย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1920 ที่ Henry Gerber เริ่มตีพิมพ์จดหมายข่าว ‘Friendship and Freedom’ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารที่เกิดขึ้นในสังคมคนรักร่วมเพศ (Homosexuality) แต่เนื่องด้วยการเคลื่อนไหวของ Gerber นั้น มักจะถูกตำรวจจับกุม และทำลายเอกสารต่าง ๆ ทำให้เขาไม่ได้ถูกพูดถึงเท่าที่ควร
ในเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์นั้นแตกต่างออกไป เพราะ สื่อได้รายงานภาพของความรุนแรงที่เกิดขึ้นออกไปสู่สังคม ทำให้เพิ่มแรงกดดันในสังคม จนนำมาสู่การเรียกร้องความเท่าเทียม และสิทธิมนุษยชนขึ้น ภายหลังในปีถัดมาจึงเกิดการเดินขบวนของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในสหรัฐฯ ขึ้น 🇺🇸 ท้ายที่สุด เดือนมิถุนายนจึงกลายเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง และรณรงค์ถึงสิทธิของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศเรื่อยมา

สีรุ้ง เป็นสีสันแห่งความหลากหลาย ทำให้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งธงสีรุ้ง 🏳️🌈 ออกแบบโดย Gilbert Baker และถูกนำมาใช้ครั้งแรกในวันที่ 25 มิถุนายน 1978 ในวัน Gay Pride ที่ซานฟรานซิสโก โดยในคราวนั้น ธงที่นำมาใช้ประกอบไปด้วย 8 สี ที่ให้ความหมายแตกต่างกันไป ได้แก่
💖สีชมพูเข้ม = เรื่องเพศ (Sexuality)
❤️สีแดง = ชีวิต(Life)
🧡สีส้ม = การเยียวยา(Healing)
💛สีเหลือง = แสงอาทิตย์(The Sun)
💚สีเขียว = ธรรมชาติ(Nature)
💙สีน้ำเงิน = ศิลปะ(Art) สีคราม = ความผสมผสาน(Serenity)
💜สีม่วง = จิตวิญญาณของคนกลุ่มรักร่วมเพศ(Spirit)
แต่เนื่องจากผ้าสีชมพูเข้มนั้นหายาก อีกทั้งสีน้ำเงิน และสีคราม ถูกนำมาผสมกัน ต่อมาธงจึงลดเหลือเพียง 6 สี ซึ่งคล้ายคลึงกับธงในรูปแบบปัจจุบัน นอกจากธงสีรุ้งแล้ว ในปัจจุบันก็มีธงอีกหลายรูปแบบที่ถูกใช้มาเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศอีกเช่นเดียวกัน

👨👩👦👦 ผู้คน แบรนด์ และองค์กร ต่างมีความเคลื่อนไหวในช่วง Pride Month เพื่อเป็นกระบอกเสียง 📣 สนับสนุนความเท่าเทียมของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ มีการสนับสนุนมากมายหลายวิธี เช่น ผู้คนเปลี่ยนกรอบรูปประจำตัวเป็นกรอบสายรุ้ง มีร้านค้ามากมายที่พร้อมใจกันชูธงสีรุ้ง แบรนด์ต่าง ๆ ออก Pride Collection และนำกำไรที่ได้ไปสนับสนุนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน
ปลายทางของ Pride Month ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตตามปกติ และได้รับความเท่าเทียม เฉกเช่นเดียวกับทุกคนในสังคม
สำหรับเดือน Pride Month นี้ CU NEX ขอร่วมสนับสนุนถึงความเท่าเทียมและเสมอภาคของทุกคนที่มีความหลากหลายทางเพศด้วยเช่นกัน 🥰
NEXKY
